ฝันเก้าเดือน 2.0
เข้าสู่เดือนใหม่ เด็กชายเก่งมีภารกิจเพิ่มเข้ามาในช่วงเวลาวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ภารกิจนั้นก็คือ การฝึกอาชีพตัดผมชาย ต้องให้เวลากับภารกิจนี้เป็นสิ่งแรก เวลาที่เหลือหลังจากนั้นในแต่ละวัน ก็แบ่งให้กับการลงทุน การเขียน การออกกำลังกาย และครอบครัว
การฝึกอาชีพนั้น ช่วยให้เด็กชายเก่งหลุดพ้นจากความหดหู่ใจที่คอยครอบงำจากความผิดหวังในการลงทุน ได้เจอเพื่อนใหม่ เรื่องราวใหม่
และทักษะใหม่ที่ต้องเรียนรู้เพื่อนำไปประกอบอาชีพ
จิตใจร่าเริงเบิกบาน แม้การเรียนการสอนจะเข้มข้น
แต่เด็กชายเก่งก็พยายามเรียนรู้ ฝึกฝนด้วยความอดทน เด็กชายเก่งต้องตื่นแต่เช้า เพื่อเดินทางไปฝึกอาชีพ ไม่ได้อยู่บ้านแทบทุกวันอีกแล้ว ความกดดันเริ่มลดลง เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า จำได้ว่าเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เขาบอกว่า "การทำงานทำให้คนเรามีคุณค่า" แม้จะเรียกว่าทำงานได้ไม่เต็มปาก แต่เราก็กำลังเดินสู่เส้นทางสายนี้
...........
เสียงโทรศัพท์ที่บ้านดังขึ้น ม๊ารับสาย ปลายสายเป็นเสียงของอาม่าโทรมาเพื่อถามข่าวคราวของหลาน พร้อมตบท้ายด้วยคำถามเดิมว่า
"อาเก่ง อีกลับไปทำงานที่ไต้หวันรึยัง?"
ม๊าเคยตอบคำถามนี้เมื่อคราวที่แล้วว่า
"ยังเลยอาม่า อีกำลังตัดสินใจอยู่"
แต่มาวันนี้ม๊าเลือกที่จะใช้คำตอบใหม่
หลังจากเริ่มเห็นความชัดเจนในการเลือกเส้นทาง
เดินของลูกชาย
"อาเก่ง อีไปเรียนตัดผม"
..........
วันหยุดสุดสัปดาห์
เด็กชายเก่งยืนเลือกหนังสืออยู่ที่ห้องสมุด หลังจากใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะจนจบ หันไปดูนาฬิกา เวลาก็ผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว มีเสียงร้องเรียกเบาๆด้านหลัง
"เก่ง กลับยัง?" เต้ถาม
"เต้กับตู้ กลับกันก่อนเถอะ เราว่าจะอ่านให้จบอีกซักเล่ม" เด็กชายเก่งตอบ
หลังจากยืมหนังสือหนึ่งเล่มให้เต้กลับไปอ่าน
พอเดินมาที่โต๊ะ ตู้ก็ถามขึ้นว่า
"เก่ง ถามจริงๆเหอะ ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรวะ?
เด็กชายเก่งหยุดคิด เกิดความสงสัยขึ้นในหัวสมอง
ความสงสัยที่ว่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่รู้จะตอบตู้ว่าทำไปเพื่ออะไร แต่สงสัยคำว่า 'ทำแบบนี้' ของตู้
หากจะให้ตีความ คงตีความได้สองแบบ
'ทำแบบนี้' แบบแรก คือ การอ่านหนังสือ
'ทำแบบนี้' แบบที่สอง คือ การอ่านหนังสือหนักหน่วง
หยุดคิด แล้วเดาว่าเพื่อนหมายถึงแบบที่สอง
ตู้คงไม่ถามว่าอ่านหนังสือไปเพื่ออะไรหรอกมั้ง
คำตอบที่เป็นจริง จากเป้าหมายที่วางไว้
ผุดขึ้นมาในหัวสมอง ถ้อยคำจ่ออยู่ที่ริมฝีปาก
แต่เด็กชายเก่งเลือกที่จะหยุดมันไว้แค่นั้น หากพูดออกไปแล้ว ตู้อาจคิดว่าเราเพ้อเจ้อ หรือบางทีอาจคิดว่าเราหยอกเล่นก็เป็นได้ คำตอบจึงเปลี่ยนเป็นอะไรที่สั้นๆ แล้วฟังดูคลุมเครือ ที่เด็กชายเก่งพอนึกออกในตอนนั้น
"อ๋อ มันจะเห็นผลในวันหน้า น่ะตู้" ตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
..........
แม้พอร์ตหุ้นยังขาดทุน เด็กชายเก่งก็ยังเรียนรู้และดำเนินการเปิดพอร์ตอนุพันธ์ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นอีก แม้มีเวลาเหลือเพียงน้อยนิด เด็กชายเก่งก็ยังคงเรียนรู้ คอยติดตามตลาดสม่ำเสมอ จนวันหนึ่งมั่นใจจึงเข้าทำการซื้อขายอนุพันธ์ ช่วงแรกได้กำไรพันกว่าบาท ดีใจไปหลายวัน กลับมาซื้อขายอีกครั้ง คราวนี้ผิดทาง ขาดทุนสามพันกว่าบาท แต่เด็กชายเก่งยังฝืน ไม่ยอมตัดขาดทุน ถลำลึกลงไปเรื่อยๆ จนยอดขาดทุนสุทธิเป็นสองหมื่นกว่า ถึงตอนนี้ยอมรับอย่างเต็มประตูว่าผิดทางจริงๆ แล้วก็ตัดสินใจตัดขาดทุน...อะไรที่ได้มาง่าย มักจะเสียไปง่ายเช่นกัน
..........
แสงแดดสาดส่อง เสียงเด็กๆจอแจ นักเรียนหลายร้อยคนนั่งอยู่บนลานกว้างหน้าเสาธง
อาจารย์กล่าวสวัสดีนักเรียนผ่านไมโครโฟน พิธีการหลากหลายในยามเช้าผ่านพ้นไป จนมาถึงคำประกาศของอาจารย์ในช่วงท้ายก่อนเลิกแถวหน้าเสาธง
"สำหรับนักเรียนที่ทรงผมไม่เรียบร้อยนะครับ ในวันนี้เรามีช่างตัดผมมาให้บริการที่โรงเรียน นักเรียนคนใดที่มีทรงผมไม่เรียบร้อย รบกวนอาจารย์ทุกท่านช่วยตรวจสอบแล้วแยกนักเรียนออกมาตั้งแถว
เพื่อไปตัดผมกับช่าง ณ อาคารอเนกประสงค์ ด้วยครับ"
เด็กชายเก่งกับเพื่อนๆ กำลังจัดเก้าอี้ เตรียมอุปกรณ์ อย่างขะมักเขม้นปนกับความตื่นเต้น มองออกมายังลานหน้าเสาธงเห็นเด็กนักเรียนกำลังตั้งแถวใหม่ยาวมาก อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว เด็กชายเก่งเดินออกมารับลมหน้าอาคาร พลันหันกลับไปก็พบตัวอักษรใหญ่ติดอยู่ด้านบนอาคาร
"อาคารอเนกประสงค์"
Post a Comment: