วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557

             หลังจากหลับไปพักใหญ่ๆ  รถไฟก็มาถึงสถานีผิงตง  ตอนแรกที่หาข้อมูลมา  ก็ไปพบว่าที่เมืองผิงตงนี้มี "หอศิลป์พื้นเมือง"  เลยอยากลองไปดู(คุณผู้อ่านรู้สึกว่ามีอะไรที่ผิดปกติไหมครับ  ถ้ายัง  เชิญอ่านต่อครับ)  ผมเดินออกจากสถานีรถไฟผิงตง  แผนที่ในโทรศัพท์มือถือนำทางไปเรื่อยๆ  ผมเดินไป  เดินไป  รู้สึกไกลจังเลย  ข้าวของที่ขนมาในเป้ก็หนัก  ถึงตรงนี้ผมขอแนะนำคุณผู้อ่านเลยครับ  ว่าอะไรที่ไม่จำเป็น  ก็ไม่ต้องขนใส่กระเป๋ามา  รู้สึกพลาดอย่างแรงที่ขนของมาเยอะมาก  เดินไป  ก็หนักไป  ในวันก่อนวันสิ้นปี
              สักพักใหญ่  ผมก็มาถึง  ที่นี่แหละครับ






แล้วสิ่งผิดปกติที่ผมถามคุณผู้อ่านไปตอนต้นก็เป็นจริง ผมเดินทางไปวันที่ 30 ธันวาคม 2014  ซึ่งส่วนใหญ่
กิจการ  ร้านต่างๆก็หยุดทำการแล้ว  คำถามที่เกิดขึ้นทันทีในหัวของผมก็คือ
              "เอาสมองส่วนไหนคิด  ว่าหอศิลป์ที่ไหนจะเปิดในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่?"  ใช่ครับ  ประตูปิดอย่างที่เห็นในภาพ  ผมก็หยุดพักอยู่ตรงนั้น  นั่งทบทวนตัวเอง  ก่อนจะออกเดินทางต่อ...
              มีคุณผู้อ่านท่านหนึ่งถามผมเรื่องโรงแรมที่พักมา  ผมจึงขออนุญาตย้อนเล่าให้ละเอียดไปเลย  คืนแรก  ผมยังอยู่ในตัวเมืองเกาสง  ตอนนั้นพลบค่ำแล้ว  ก็พยายามเดินหาโรงแรมที่ดูไม่หรูหรามาก(ทุกวันนี้ผมเป็นมนุษย์เงินเดือน  มีรายได้ไม่มาก  เวลาเที่ยวก็ต้องมองหาทางที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด)  มาเจอโรงแรมแห่งหนึ่ง  เช็คอินเรียบร้อย  ขึ้นห้อง  เชิญชมบรรยากาศภายในห้องได้เลยครับ






เรียกได้ว่าถ้ามาเป็นคู่คืนนั้นคงเป็นค่ำคืนแห่งความสุข (ห้องน้ำก็ดูดีนะ  มีอ่างอาบน้ำด้วย  แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปมา)  คุณผู้อ่านลองเดาดูไหมครับ  ว่าห้องนี้  สนนราคาคืนละเท่าไร?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เฉลย 1,800 เหรียญไต้หวัน(เทียบอัตราแลกเปลี่ยน  เงินบาทกับดอลลาร์ไต้หวัน  ณ วันนั้นคือ 1.12  ดังนั้น  1,800 เหรียญไต้หวันก็ประมาณ  2,016 บาทครับ)  นั่นเป็นคืนแรก  ก่อนที่ผมจะขึ้นรถไฟมาที่สถานีผิงตง
              กลับมาที่ผิงตง  หลังจากผิดหวังที่หอศิลป์ผมก็เดินตระเวนหาโรงแรมราคาถูกๆ  เดินจนเกือบทั่วเมืองแล้วก็ยังไม่พบ  จนคิดเดินกลับสถานีรถไฟเพื่อต่อรถไฟไปยังสถานีอื่น  ระหว่างทางที่เดินกลับสถานีสายตาก็บังเอิญไปสะดุดกับป้ายราคาบางอย่าง(ภาษาจีน  กับตัวเลข  200 บ้าง  600 บ้าง  ผมมาทำงานที่นี่ปีกว่า  แต่ความสามารถทางภาษาจีนยังอ่อนหัดอยู่มาก)  อาคารสูง 3 ชั้นมองจากด้านหน้ามีอาม่านั่งอยู่หลังโต๊ะ  ด้านข้างมีบันไดขนาดใหญ่  ผมเดินเข้าไปถามอาม่าว่าที่นี่ใช่โรงแรมรึเปล่า?  อาม่าตอบว่าใช่  แล้วก็พูดกับผมเป็นภาษาญี่ปุ่น  มาเป็นชุด  ผมยืนอึ้ง ได้แต่โบกมือไปมา  ไม่ใช่ครับอาม่า  ผมไม่ใช่คนญี่ปุ่น(ในอดีตญี่ปุ่นเคยยึดครองเกาะไต้หวัน  คนไต้หวันในยุคนั้นเลยคุ้นเคยกับภาษาญี่ปุ่น  อาม่าก็คงทันยุคนั้นเช่นกัน)  คุยจนได้ความ  อาม่าก็เชิญผมขึ้นไปดูห้อง  สภาพห้องค่อนข้างเก่า  มีทีวีเล็กๆ  ห้องน้ำก็พอใช้ได้  ไม่มีอ่างอาบน้ำ  ผมตอบตกลงกับอาม่า  อาม่าบอกว่าคืนละ  500 เหรียญไต้หวัน  ผมจ่ายเงิน แล้วเข้าห้อง  อาบน้ำ  แล้วทิ้งตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย...

Post a Comment:

:)
:(
=(
^_^
:D
=D
|o|
:"(
;)
(Y)
:o
:p
:P

Designed By Blogger Templates | Templatelib & Distributed By Blogspot Templates