"เที่ยวบ้าง อะไรบ้าง" ตอน ตระเวนผิงตง(2)
หลังจากหลับไปพักใหญ่ๆ รถไฟก็มาถึงสถานีผิงตง ตอนแรกที่หาข้อมูลมา ก็ไปพบว่าที่เมืองผิงตงนี้มี "หอศิลป์พื้นเมือง" เลยอยากลองไปดู(คุณผู้อ่านรู้สึกว่ามีอะไรที่ผิดปกติไหมครับ ถ้ายัง เชิญอ่านต่อครับ) ผมเดินออกจากสถานีรถไฟผิงตง แผนที่ในโทรศัพท์มือถือนำทางไปเรื่อยๆ ผมเดินไป เดินไป รู้สึกไกลจังเลย ข้าวของที่ขนมาในเป้ก็หนัก ถึงตรงนี้ผมขอแนะนำคุณผู้อ่านเลยครับ ว่าอะไรที่ไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องขนใส่กระเป๋ามา รู้สึกพลาดอย่างแรงที่ขนของมาเยอะมาก เดินไป ก็หนักไป ในวันก่อนวันสิ้นปี
สักพักใหญ่ ผมก็มาถึง ที่นี่แหละครับ
แล้วสิ่งผิดปกติที่ผมถามคุณผู้อ่านไปตอนต้นก็เป็นจริง ผมเดินทางไปวันที่ 30 ธันวาคม 2014 ซึ่งส่วนใหญ่
กิจการ ร้านต่างๆก็หยุดทำการแล้ว คำถามที่เกิดขึ้นทันทีในหัวของผมก็คือ "เอาสมองส่วนไหนคิด ว่าหอศิลป์ที่ไหนจะเปิดในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่?" ใช่ครับ ประตูปิดอย่างที่เห็นในภาพ ผมก็หยุดพักอยู่ตรงนั้น นั่งทบทวนตัวเอง ก่อนจะออกเดินทางต่อ...
มีคุณผู้อ่านท่านหนึ่งถามผมเรื่องโรงแรมที่พักมา ผมจึงขออนุญาตย้อนเล่าให้ละเอียดไปเลย คืนแรก ผมยังอยู่ในตัวเมืองเกาสง ตอนนั้นพลบค่ำแล้ว ก็พยายามเดินหาโรงแรมที่ดูไม่หรูหรามาก(ทุกวันนี้ผมเป็นมนุษย์เงินเดือน มีรายได้ไม่มาก เวลาเที่ยวก็ต้องมองหาทางที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด) มาเจอโรงแรมแห่งหนึ่ง เช็คอินเรียบร้อย ขึ้นห้อง เชิญชมบรรยากาศภายในห้องได้เลยครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เฉลย 1,800 เหรียญไต้หวัน(เทียบอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทกับดอลลาร์ไต้หวัน ณ วันนั้นคือ 1.12 ดังนั้น 1,800 เหรียญไต้หวันก็ประมาณ 2,016 บาทครับ) นั่นเป็นคืนแรก ก่อนที่ผมจะขึ้นรถไฟมาที่สถานีผิงตง
กลับมาที่ผิงตง หลังจากผิดหวังที่หอศิลป์ผมก็เดินตระเวนหาโรงแรมราคาถูกๆ เดินจนเกือบทั่วเมืองแล้วก็ยังไม่พบ จนคิดเดินกลับสถานีรถไฟเพื่อต่อรถไฟไปยังสถานีอื่น ระหว่างทางที่เดินกลับสถานีสายตาก็บังเอิญไปสะดุดกับป้ายราคาบางอย่าง(ภาษาจีน กับตัวเลข 200 บ้าง 600 บ้าง ผมมาทำงานที่นี่ปีกว่า แต่ความสามารถทางภาษาจีนยังอ่อนหัดอยู่มาก) อาคารสูง 3 ชั้นมองจากด้านหน้ามีอาม่านั่งอยู่หลังโต๊ะ ด้านข้างมีบันไดขนาดใหญ่ ผมเดินเข้าไปถามอาม่าว่าที่นี่ใช่โรงแรมรึเปล่า? อาม่าตอบว่าใช่ แล้วก็พูดกับผมเป็นภาษาญี่ปุ่น มาเป็นชุด ผมยืนอึ้ง ได้แต่โบกมือไปมา ไม่ใช่ครับอาม่า ผมไม่ใช่คนญี่ปุ่น(ในอดีตญี่ปุ่นเคยยึดครองเกาะไต้หวัน คนไต้หวันในยุคนั้นเลยคุ้นเคยกับภาษาญี่ปุ่น อาม่าก็คงทันยุคนั้นเช่นกัน) คุยจนได้ความ อาม่าก็เชิญผมขึ้นไปดูห้อง สภาพห้องค่อนข้างเก่า มีทีวีเล็กๆ ห้องน้ำก็พอใช้ได้ ไม่มีอ่างอาบน้ำ ผมตอบตกลงกับอาม่า อาม่าบอกว่าคืนละ 500 เหรียญไต้หวัน ผมจ่ายเงิน แล้วเข้าห้อง อาบน้ำ แล้วทิ้งตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย...
Post a Comment: