วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

          ผมเดินเข้าห้องหลังจากเคาะประตู  มีชายสูงวัย 2 คนนั่งอยู่หลังโต๊ะยาว ผมกล่าวทักทาย ทั้งสองตอบรับพร้อมเชิญให้ผมนั่ง  "เอ้า แนะนำตัวสิ เป็นภาษาอังกฤษนะ" จากนั้นช่วงเวลาแห่งการสนทนาของเราสามคนก็ดำเนินไป สัก 15 นาทีได้ บทสัมภาษณ์ คำถามที่คุณสามารถพบได้ตามหนังสือเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ทั่วไป และเช่นกัน คำตอบที่คุณสามารถตอบไปในแนวทางที่แสดงออกถึงมุมมองด้านบวกกับชีวิต ใช่ผมก็ตอบในแนวทางนั้น จนมาถึงช่วงสุดท้าย  "เอาละ ช่วยลุกขึ้นยืนให้ดูหน่อย"  ผมลุกขึ้นพร้อมความสับสนอยู่ในหัวว่าทำไม  ทั้ง 2 ท่านมองดูผมไล่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า พร้อมกับปรึกษาอะไรบางอย่าง ก่อนจะทำเครื่องหมายลงบนกระดาษตรงหน้า และนั่นก็เป็นกิริยาสุดท้ายที่ผมเห็น ก่อนกล่าวอำลาพร้อมคำขอบคุณ  ทางเจ้าหน้าที่รับสมัครแจ้งว่าให้รอการติดต่อกลับอีกประมาณ 2 วัน  วันนั้นผมกลับบ้านด้วยอารมณ์เดิมๆ อารมณ์หลังจากการสัมภาษณ์สมัครงาน คือไม่คาดหวัง เพราะผิดหวังมานับไม่ถ้วน ผมกลับบ้านมาเจอคุณแม่ ซึ่งท่านมักสังเกตตัวผม ท่านจะดูจากการแต่งตัวหากดูดีนั่นแสดงว่าวันนั้นผมไปสมัครงานมา ท่านก็ไม่พูดอะไร ท่านคงทราบว่าผมพยายามอย่างหนักในการหางานที่ดีกว่า แต่หลายครั้งที่ผ่านมาผมก็ยังทำไม่ได้  ผมพัฒนาตัวเอง ทักษะด้านต่างๆ เตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบ การสัมภาษณ์  แต่ผมไม่สามารถกำหนดผลการสมัครงานได้ คุณรู้ใช่ไหมครับ คุณแม่ผมท่านก็คงทราบเช่นกัน
           2 วันต่อมาผมได้รับแจ้งว่าผ่านการสัมภาษณ์แล้ว  วันปฐมนิเทศผมได้ทราบว่าผมผ่านการสัมภาษณ์งานในตำแหน่งพนักงานเข็นรถผู้ป่วย   15 คนในห้องอบรม บางคนพูดคุยกันราวกับว่ารู้จักกันเป็นอย่างดี  เจ้าหน้าที่รับสมัครงานคนเดิมเข้ามาพร้อมแนะนำตัว ให้พวกเราเรียกเธอว่า"พี่ยุ้ย" เธออธิบายถึงการทำงานในสนามบิน ลักษณะงาน และข้อบังคับต่างๆของบริษัท
      "บริษัทนี้เป็น Outsource นะคะ"
      "???"ศัพท์ที่ไม่คุ้นเลย
      "ตำแหน่งพนักงานเข็นรถผู้ป่วยนี้ ไม่มีเงินเดือนนะคะ"
      "???"ผมลากสายตาขึ้นไปหยุดที่หัวกระดาษใบสมัครงานว่า สำหรับบริษัท ไม่ใช่ สำหรับมูลนิธิ นี่นา แล้ว ไม่มีเงินเดือน หมายถึงอะไร  เราจะทำงานนี้ไปเพื่ออะไร  เราจะเอาเงินที่ไหนสำหรับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน  คำถามมากมายเกิดขึ้น แต่ผมก็ไม่กล้าถามเพราะกลัวเสียฟอร์ม  ผมอยากให้คุณผู้อ่านนึกถึงหนังจีนแนวเจ้าพ่อ ฉากบนโต๊ะที่มีการแจกไพ่ แต่ละคนแง้มไพ่ดูแล้วปิดไว้เหมือนเดิม สีหน้ามั่นใจในหน้าไพ่ของตัวเอง  บรรยากาศในห้องอบรมเป็นเช่นนั้นเลยละครับ ดูเหมือนทุกคนไม่สงสัยเลยกับเรื่องไม่มีเงินเดือน  คงมีแต่ผมที่ไม่รู้เรื่องอะไรอยู่คนเดียว จากนั้นพี่ยุ้ยก็อธิบายอะไรมากมายแต่ผมหมดกะจิตกะใจฟังแล้ว  กลับบ้านวันนั้นไม่กล้าบอกคุณแม่เลยครับ คุณแม่จะรู้สึกอย่างไรหนอที่วันนี้ลูกชายได้งานทำแล้ว แต่เป็นงานไม่มีเงินเดือน!

            

Post a Comment:

:)
:(
=(
^_^
:D
=D
|o|
:"(
;)
(Y)
:o
:p
:P

Designed By Blogger Templates | Templatelib & Distributed By Blogspot Templates