วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

          หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป  กระเป๋าเดินทางยังคงวางอยู่ที่เดิม  ข้าวของกองระเกะระกะ  เด็กชายเก่งได้นำแนวความคิดมาจากหนังสือที่ผ่านตาหลายเล่ม
เขาบอกว่าให้โฟกัสที่เป้าหมาย  หลังจากเขียนเป้าหมายเอาไว้แล้ว  ทั้งระยะสั้น 1 ปี  ระยะกลาง 3-5 ปี  ระยะยาว 10 ปี   อะไรที่ไม่ได้เป็นทางที่นำไปสู่เป้าหมาย  เด็กชายเก่งจะไม่ทำ  หรือเอาไว้ทำทีหลัง
นั่นจึงเป็นเหตุผลสำหรับข้าวของที่ยังคงกองเอาไว้

"อิฉันรู้สึกได้กลิ่นข้ออ้างของคนขี้เกียจ...ฮึฮึ"

          วันๆหนึ่งเด็กชายเก่งอ่านหนังสืออย่างบ้าคลั่ง  ช่วงแรกของการทำเพจกว่าจะได้หลับได้นอนเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ไปแล้ว  รู้สึกเหนื่อยล้า
แต่ก็พยายามฝึกตัวเองให้อ่านเร็วขึ้น  จับใจความสำคัญแล้วนำมาถ่ายทอดให้เข้าใจง่าย  หนังสือที่อ่านก็หลากหลายแนว  แนวพัฒนาตนเอง  แนวการลงทุน  บริหารธุรกิจ  นวนิยาย  รวมเรื่องสั้น  
ทั้งนี้เด็กชายเก่งยังยืนยันว่า  ไหนๆตนก็จะต้องอ่านหนังสือมากมายหลายเล่มแล้ว  ก็ขอส่งต่อแนวคิดที่ได้กลั่นกรองออกมาให้ผู้อื่นได้รับรู้ด้วย  เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

          นอกเหนือจากอ่านหนังสือแล้ว  เด็กชายเก่งก็ใช้เวลาในการศึกษาติดตามตลาดหุ้นแบบเต็มวัน
เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่เขาได้ก้าวเข้ามาสู่สมรภูมิการลงทุน  การเก็งกำไรแห่งนี้  จากที่เคยทำงานไปด้วย  แวบติดตามตลาดทางสมาร์ทโฟนด้วย  ได้กำไรบ้าง  ขาดทุนบ้าง  หักลบกันแล้ว  พอร์ตเล็กๆนี้ก็ยังคงไม่ได้เติบโตไปไหน  เวลานี้แหละคือเวลาที่จะได้มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการลงทุนอย่างเต็มที่  ปรากฎสีหน้าและแววตากระหยิ่มยิ้มย่องยิ่งนัก

"ความหลงตัวเองเอย  ความประมาทเอย  อิฉันละแทบอยากรู้ตอนจบไวๆเสียแล้วสิ...ฮึฮึ"

          น้าบ้านตรงข้าม ป้าท้ายซอย  ต่างถามคำถามเดียวกันเหมือนนัดกันเอาไว้เวลาเจอหน้าเด็กชายเก่ง 
"แล้วจะกลับไปทำงานที่นู่นอีกมั๊ยลูก?"
"อ๋อ เดี๋ยวผมดูก่อนครับ"
นั่นเป็นคำตอบที่คิดว่าพอเหมาะพอควรสุดแล้ว  ครั้นจะเสริมเรื่องสิ่งที่ทำอยู่  ก็กลัวจะต้องอธิบายสิ่งที่ยากเกินแก่การเข้าใจ  หนำซ้ำอาจถูกผู้ใหญ่สั่งสอนด้วยว่า  ทำไมถึงอยู่บ้านเฉยๆ  ไม่รู้จักหาการหางานทำ  

..........

          สองสัปดาห์ผ่านไป  เด็กชายเก่งก็ไปสมัครเรียนตัดผมชาย ณ ศูนย์ฝึกอาชีพ  ตอนที่ยังทำงานอยู่ไต้หวันนั้น  เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเอง  ถามตัวเองว่าชอบทำอะไรบ้าง?  อยากทำอะไรบ้าง?   แล้วสิ่งเหล่านั้นทำเงินให้ได้ไหม? 
คำตอบที่ได้มามีมากมาย  ตัดไปตัดมาเหลือเพียงสามอย่าง  ซึ่งขณะนี้ก็ได้เดินหน้าครบแล้วคือ
1)ลงทุนตลาดหุ้น
2)ทำเพจ เขียนบล็อก
3)ตัดผมชาย
ทั้งนี้เรื่องตัดผมนั้น  เด็กชายเก่งได้ลองผิดลองถูก  ตัดผมให้บรรดาเพื่อนชายทั้งหลายที่ทำงานด้วยกันที่ไต้หวัน  บ้างออกมาหล่อ  บ้างต้องใช้เวลาแก้ทรงอยู่นาน  กระนั้นเอง  เขาก็รู้ตัวว่าต้องฝึกปรือให้มากกว่านี้หากต้องยึดถือเป็นอาชีพในวันข้างหน้า
แต่ทีนี้กว่าจะได้เริ่มเรียนตัดผมก็เดือนถัดไป  มีเวลาอยู่บ้านเดือนกว่า  ทั้งๆที่ทำนู่นนี่มือเป็นระวิง  แต่การอยู่บ้าน  ไม่ได้ออกไปทำการทำงานอย่างใครเขา  ก็พลันเกิดความกดดันต่อตนเอง  ความกดดันที่มาจากภายในครอบครัว  และภายนอกครอบครัว
ต่างถาโถมใส่ไม่มียั้ง  

          เกิดความสับสนในใจ  จากแรงกดดันที่ส่งมาทุกทิศทาง  การได้ออกไปห้องสมุดช่วยทำให้ผ่อนคลายได้มาก  เด็กชายเก่งชอบที่จะขลุกตัวอยู่ที่นั่นจนมืดค่ำ  พยายามอ่านหนังสือให้ได้มากที่สุด  และจับใจความนำแง่คิดออกมาเขียนเอาไว้  สลับกับการติดตามตลาดหุ้นผ่านทางหน้าจอ  
ศึกษา  จดบันทึก  ศึกษา  จดบันทึก  
ศึกษา  จดบันทึก  ศึกษา  จดบันทึก
ศึกษา  จดบันทึก  ศึกษา  จดบันทึก
ศึกษา  จดบันทึก  ศึกษา  จดบันทึก
ศึกษา  จดบันทึก  ศึกษา  จดบันทึก

..........

          มะรืนนี้  เต้จะกลับมาเมืองไทยแล้ว  เด็กชายเก่งเตรียมตัวไปรับเพื่อนด้วยความดีใจ  หวังว่าคงจะได้ใช้เวลาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบทั้งที่ไม่เจอกันเพียงเดือนเดียว  หากจะให้พูดตามตรงแล้ว  ควรพูดว่าเป็นการหาเพื่อนปรับทุกข์ของเด็กชายเก่งมากกว่า
ทุกอย่างที่วางแผนเอาไว้  และคิดไว้แล้วว่าต้องพบเจอ  พอได้เจอจริงๆก็กดดัน  เครียด  ไม่รู้จะไปคุยกับใครที่เข้าใจแนวทางของเรา

"เริ่มจากเก็บข้าวของก่อนดีไหมพ่อหนุ่ม  ให้เหงื่อออกเสียบ้าง  จะได้ผ่อนคลาย...ฮึฮึ"


Post a Comment:

:)
:(
=(
^_^
:D
=D
|o|
:"(
;)
(Y)
:o
:p
:P

Designed By Blogger Templates | Templatelib & Distributed By Blogspot Templates