ชีวิตติดล้อ(5)
ผมเดิน เดิน และเดิน หลักใหญ่ใจความของอาชีพนี้คือการเดิน เดินพร้อมเข็นผู้โดยสารไปส่งให้ถึงจุดหมาย ทำให้ผมนึกถึงคำพูดหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง เฉิ่ม ที่ว่า"คนขับรถแท็กซี่กับหมอนวดมีหน้าที่เหมือนกัน คือพาแขกไปให้ถึงจุดหมาย" ใช่พนักงานเข็นรถผู้ป่วยอย่างผมก็เช่นกัน
ในการให้บริการผู้โดยสารแต่ละคน เราจะได้รับเอกสาร 1 แผ่นจากเซ็นเตอร์ และเอกสารแผ่นนี้แหละคือคำตอบของคำถามที่ผมข้องใจมาตั้งแต่ช่วงอบรมปฐมนิเทศว่า งานนี้ไม่มีเงินเดือน? เอกสารนี้พวกเราเรียกว่าบิล บิล 1 ใบจะมีที่ว่างให้เรากรอกวันที่ ชื่อผู้โดยสาร ชื่อพนักงานเข็นรถ รายละเอียดเที่ยวบิน ช่องลงชื่อของหัวหน้าและเจ้าหน้าที่สายการบิน บิล 1 ใบมีมูลค่า 70 บาทเมื่อเราบริการผู้โดยสารสำเร็จ นี่คือค่าแรงของพวกเรา ผมเดาว่าคุณผู้อ่านกำลังคิดว่าถ้าวันๆหนึ่งเราเข็นผู้โดยสารหลายๆคน เราก็ได้บิลหลายใบ ค่าแรงเราก็ได้มากขึ้น ถูกต้องเลยครับ แต่ก็มีองค์ประกอบหลายข้อที่เราจะต้องดู เช่น ในแต่ละวันผู้โดยสารขอใช้บริการรถเข็นมากบ้างน้อยบ้าง ผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวบินอาจต่อเครื่อง หรือมีเหตุให้เราต้องอยู่ให้บริการนาน พนักงานเข็นรถผู้ป่วยในบริษัทมีจำนวนหนึ่งร้อยกว่าคน เมื่อเสร็จแต่ละงานจึงต้องรีบกลับมาลงชื่อกับเซ็นเตอร์ สรุปว่าความไม่แน่นอนในแต่ละวันทำให้เราไม่สามารถคาดหวังว่าจะได้ค่าแรงมากๆเมื่อถึงสิ้นเดือน
กลับมาที่ตัวผม หลังจากที่ผมได้เดินตามรุ่นพี่หลายคน ผมก็ได้คำตอบที่ว่าทำไมรุ่นพี่ถึงไม่อยากให้พวกเราน้องใหม่เดินตาม ในงานบริการผมเชื่อว่าคุณๆต่างรู้จัก"ทิป" หรือเงินตอบแทนเล็กน้อยที่ลูกค้าหยิบยื่นให้พนักงานบริการ เช่นเดียวกันกับงานบริการเข็นรถผู้ป่วย(บริการเข็นรถวีลแชร์) ผู้โดยสารส่วนใหญ่ต่างก็มีน้ำใจหยิบยื่นให้ และตัวผมก็รู้สึกว่ารุ่นพี่หลายคนค่อนข้างให้ความสำคัญกับส่วนนี้มาก ผมไม่ได้คิดอะไรหรอกครับช่วงฝึกงานคิดแต่จะเรียนรู้งานให้เร็วที่สุด แต่ผมก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆกับท่าทีของรุ่นพี่เวลาที่ผู้โดยสารให้ทิป รุ่นพี่บางคนคงไม่อยากให้ผมเห็น แหมก็เล่นเอียงตัวบังซะขนาดนั้นผู้โดยสารบางท่านก็ใจดียื่นให้เราทั้ง 2 คนเลย ทั้งที่ผมอยู่ในช่วงฝึกงานอยู่ แต่มีรุ่นพี่อยู่คนหนึ่ง ชื่อ พี่ไมตรี พี่ไมตรีสอนงานอย่างตรงไปตรงมา ดูเป็นคนใจกว้าง อารมณ์ดีตลอด พอดีผู้โดยสารเดินทางมาด้วยกันขอวีลแชร์ 2 คัน ผมเลยได้เข็นไปด้วยกัน ผู้โดยสารเป็นคนอาหรับ ขอให้เราไปส่งที่ร้านอาหารแล้วนัดเวลากลับมารับพาไปขึ้นเครื่อง ระหว่างทางผมสังเกตเห็นพี่ไมตรียิ้มอารมณ์ดี ผมจึงถามว่าทำไมพี่ถึงอารมณ์ดีจัง พี่แกตอบว่าผู้โดยสารอาหรับใจดี เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่องเราก็มารับผู้โดยสารจากร้านอาหารไปขึ้นเครื่อง หลังจากส่งผู้โดยสารขึ้นเครื่องเรียบร้อยเรา 2 คนก็เดินกลับออฟฟิศ
"เอ้า เอาไป 200 ละกันนะ" พี่ไมตรีพูดพร้อมยื่นเงินให้ผม
"อะไรครับพี่?" ผมตอบด้วยสีหน้างุนงง
"ก็ผู้โดยสารคนเมื่อกี๊ให้ทิปมา 420 บาท พี่แบ่งให้เรา 200 พี่ได้ 220 บาท...20 บาทพี่ถือเป็นค่าครูละกัน" พี่ไมตรีอธิบายพร้อมรอยยิ้ม
ในการให้บริการผู้โดยสารแต่ละคน เราจะได้รับเอกสาร 1 แผ่นจากเซ็นเตอร์ และเอกสารแผ่นนี้แหละคือคำตอบของคำถามที่ผมข้องใจมาตั้งแต่ช่วงอบรมปฐมนิเทศว่า งานนี้ไม่มีเงินเดือน? เอกสารนี้พวกเราเรียกว่าบิล บิล 1 ใบจะมีที่ว่างให้เรากรอกวันที่ ชื่อผู้โดยสาร ชื่อพนักงานเข็นรถ รายละเอียดเที่ยวบิน ช่องลงชื่อของหัวหน้าและเจ้าหน้าที่สายการบิน บิล 1 ใบมีมูลค่า 70 บาทเมื่อเราบริการผู้โดยสารสำเร็จ นี่คือค่าแรงของพวกเรา ผมเดาว่าคุณผู้อ่านกำลังคิดว่าถ้าวันๆหนึ่งเราเข็นผู้โดยสารหลายๆคน เราก็ได้บิลหลายใบ ค่าแรงเราก็ได้มากขึ้น ถูกต้องเลยครับ แต่ก็มีองค์ประกอบหลายข้อที่เราจะต้องดู เช่น ในแต่ละวันผู้โดยสารขอใช้บริการรถเข็นมากบ้างน้อยบ้าง ผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวบินอาจต่อเครื่อง หรือมีเหตุให้เราต้องอยู่ให้บริการนาน พนักงานเข็นรถผู้ป่วยในบริษัทมีจำนวนหนึ่งร้อยกว่าคน เมื่อเสร็จแต่ละงานจึงต้องรีบกลับมาลงชื่อกับเซ็นเตอร์ สรุปว่าความไม่แน่นอนในแต่ละวันทำให้เราไม่สามารถคาดหวังว่าจะได้ค่าแรงมากๆเมื่อถึงสิ้นเดือน
กลับมาที่ตัวผม หลังจากที่ผมได้เดินตามรุ่นพี่หลายคน ผมก็ได้คำตอบที่ว่าทำไมรุ่นพี่ถึงไม่อยากให้พวกเราน้องใหม่เดินตาม ในงานบริการผมเชื่อว่าคุณๆต่างรู้จัก"ทิป" หรือเงินตอบแทนเล็กน้อยที่ลูกค้าหยิบยื่นให้พนักงานบริการ เช่นเดียวกันกับงานบริการเข็นรถผู้ป่วย(บริการเข็นรถวีลแชร์) ผู้โดยสารส่วนใหญ่ต่างก็มีน้ำใจหยิบยื่นให้ และตัวผมก็รู้สึกว่ารุ่นพี่หลายคนค่อนข้างให้ความสำคัญกับส่วนนี้มาก ผมไม่ได้คิดอะไรหรอกครับช่วงฝึกงานคิดแต่จะเรียนรู้งานให้เร็วที่สุด แต่ผมก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆกับท่าทีของรุ่นพี่เวลาที่ผู้โดยสารให้ทิป รุ่นพี่บางคนคงไม่อยากให้ผมเห็น แหมก็เล่นเอียงตัวบังซะขนาดนั้นผู้โดยสารบางท่านก็ใจดียื่นให้เราทั้ง 2 คนเลย ทั้งที่ผมอยู่ในช่วงฝึกงานอยู่ แต่มีรุ่นพี่อยู่คนหนึ่ง ชื่อ พี่ไมตรี พี่ไมตรีสอนงานอย่างตรงไปตรงมา ดูเป็นคนใจกว้าง อารมณ์ดีตลอด พอดีผู้โดยสารเดินทางมาด้วยกันขอวีลแชร์ 2 คัน ผมเลยได้เข็นไปด้วยกัน ผู้โดยสารเป็นคนอาหรับ ขอให้เราไปส่งที่ร้านอาหารแล้วนัดเวลากลับมารับพาไปขึ้นเครื่อง ระหว่างทางผมสังเกตเห็นพี่ไมตรียิ้มอารมณ์ดี ผมจึงถามว่าทำไมพี่ถึงอารมณ์ดีจัง พี่แกตอบว่าผู้โดยสารอาหรับใจดี เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่องเราก็มารับผู้โดยสารจากร้านอาหารไปขึ้นเครื่อง หลังจากส่งผู้โดยสารขึ้นเครื่องเรียบร้อยเรา 2 คนก็เดินกลับออฟฟิศ
"เอ้า เอาไป 200 ละกันนะ" พี่ไมตรีพูดพร้อมยื่นเงินให้ผม
"อะไรครับพี่?" ผมตอบด้วยสีหน้างุนงง
"ก็ผู้โดยสารคนเมื่อกี๊ให้ทิปมา 420 บาท พี่แบ่งให้เรา 200 พี่ได้ 220 บาท...20 บาทพี่ถือเป็นค่าครูละกัน" พี่ไมตรีอธิบายพร้อมรอยยิ้ม
Post a Comment: