วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

                ผมเดิน เดิน และเดิน  หลักใหญ่ใจความของอาชีพนี้คือการเดิน เดินพร้อมเข็นผู้โดยสารไปส่งให้ถึงจุดหมาย  ทำให้ผมนึกถึงคำพูดหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง เฉิ่ม  ที่ว่า"คนขับรถแท็กซี่กับหมอนวดมีหน้าที่เหมือนกัน คือพาแขกไปให้ถึงจุดหมาย" ใช่พนักงานเข็นรถผู้ป่วยอย่างผมก็เช่นกัน
                ในการให้บริการผู้โดยสารแต่ละคน เราจะได้รับเอกสาร 1 แผ่นจากเซ็นเตอร์ และเอกสารแผ่นนี้แหละคือคำตอบของคำถามที่ผมข้องใจมาตั้งแต่ช่วงอบรมปฐมนิเทศว่า งานนี้ไม่มีเงินเดือน?  เอกสารนี้พวกเราเรียกว่าบิล  บิล 1 ใบจะมีที่ว่างให้เรากรอกวันที่ ชื่อผู้โดยสาร ชื่อพนักงานเข็นรถ รายละเอียดเที่ยวบิน ช่องลงชื่อของหัวหน้าและเจ้าหน้าที่สายการบิน  บิล 1 ใบมีมูลค่า 70 บาทเมื่อเราบริการผู้โดยสารสำเร็จ นี่คือค่าแรงของพวกเรา  ผมเดาว่าคุณผู้อ่านกำลังคิดว่าถ้าวันๆหนึ่งเราเข็นผู้โดยสารหลายๆคน เราก็ได้บิลหลายใบ ค่าแรงเราก็ได้มากขึ้น  ถูกต้องเลยครับ  แต่ก็มีองค์ประกอบหลายข้อที่เราจะต้องดู เช่น ในแต่ละวันผู้โดยสารขอใช้บริการรถเข็นมากบ้างน้อยบ้าง  ผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวบินอาจต่อเครื่อง หรือมีเหตุให้เราต้องอยู่ให้บริการนาน  พนักงานเข็นรถผู้ป่วยในบริษัทมีจำนวนหนึ่งร้อยกว่าคน  เมื่อเสร็จแต่ละงานจึงต้องรีบกลับมาลงชื่อกับเซ็นเตอร์  สรุปว่าความไม่แน่นอนในแต่ละวันทำให้เราไม่สามารถคาดหวังว่าจะได้ค่าแรงมากๆเมื่อถึงสิ้นเดือน
                กลับมาที่ตัวผม หลังจากที่ผมได้เดินตามรุ่นพี่หลายคน ผมก็ได้คำตอบที่ว่าทำไมรุ่นพี่ถึงไม่อยากให้พวกเราน้องใหม่เดินตาม  ในงานบริการผมเชื่อว่าคุณๆต่างรู้จัก"ทิป" หรือเงินตอบแทนเล็กน้อยที่ลูกค้าหยิบยื่นให้พนักงานบริการ  เช่นเดียวกันกับงานบริการเข็นรถผู้ป่วย(บริการเข็นรถวีลแชร์) ผู้โดยสารส่วนใหญ่ต่างก็มีน้ำใจหยิบยื่นให้  และตัวผมก็รู้สึกว่ารุ่นพี่หลายคนค่อนข้างให้ความสำคัญกับส่วนนี้มาก  ผมไม่ได้คิดอะไรหรอกครับช่วงฝึกงานคิดแต่จะเรียนรู้งานให้เร็วที่สุด  แต่ผมก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆกับท่าทีของรุ่นพี่เวลาที่ผู้โดยสารให้ทิป  รุ่นพี่บางคนคงไม่อยากให้ผมเห็น แหมก็เล่นเอียงตัวบังซะขนาดนั้นผู้โดยสารบางท่านก็ใจดียื่นให้เราทั้ง 2 คนเลย ทั้งที่ผมอยู่ในช่วงฝึกงานอยู่  แต่มีรุ่นพี่อยู่คนหนึ่ง ชื่อ พี่ไมตรี  พี่ไมตรีสอนงานอย่างตรงไปตรงมา ดูเป็นคนใจกว้าง อารมณ์ดีตลอด พอดีผู้โดยสารเดินทางมาด้วยกันขอวีลแชร์ 2 คัน ผมเลยได้เข็นไปด้วยกัน  ผู้โดยสารเป็นคนอาหรับ  ขอให้เราไปส่งที่ร้านอาหารแล้วนัดเวลากลับมารับพาไปขึ้นเครื่อง  ระหว่างทางผมสังเกตเห็นพี่ไมตรียิ้มอารมณ์ดี  ผมจึงถามว่าทำไมพี่ถึงอารมณ์ดีจัง  พี่แกตอบว่าผู้โดยสารอาหรับใจดี  เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่องเราก็มารับผู้โดยสารจากร้านอาหารไปขึ้นเครื่อง  หลังจากส่งผู้โดยสารขึ้นเครื่องเรียบร้อยเรา 2 คนก็เดินกลับออฟฟิศ
                 "เอ้า เอาไป 200 ละกันนะ" พี่ไมตรีพูดพร้อมยื่นเงินให้ผม
                 "อะไรครับพี่?" ผมตอบด้วยสีหน้างุนงง
                "ก็ผู้โดยสารคนเมื่อกี๊ให้ทิปมา 420 บาท พี่แบ่งให้เรา 200 พี่ได้ 220 บาท...20 บาทพี่ถือเป็นค่าครูละกัน" พี่ไมตรีอธิบายพร้อมรอยยิ้ม
             

Post a Comment:

:)
:(
=(
^_^
:D
=D
|o|
:"(
;)
(Y)
:o
:p
:P

Designed By Blogger Templates | Templatelib & Distributed By Blogspot Templates