ชีวิตติดล้อ(6)
ผมกับอาชีพพนักงานเข็นรถเดินทางไปด้วยกันแต่ละวันผ่านไป แต่ละสัปดาห์ผ่านไป แต่ละเดือนผ่านไป ตัวผมก็ไม่ลืมที่จะมองหางานอื่นควบคู่ไปด้วย มีงานธุรการตอบรับมา ผมสัมภาษณ์ผ่าน ได้เริ่มงานวันแรก พี่ที่สอนงานผมกำลังจะออกจากงานที่บริษัทนั้น ก็ผมนี่แหละคือคนที่จะมาแทนที่พี่เค้า ผมมีเวลาเรียนรู้งาน 2 สัปดาห์ ผมกดดันมากจากเวลาที่บีบคั้นและรู้สึกว่าลักษณะงานแบบนี้มันไม่ใช่ รู้สึกไม่ชอบเลย เพียงวันนั้นวันเดียวผมก็ไม่กลับไปอีกเลย
จากนั้นมาคำถามในใจผมก็เกิดขึ้นขณะที่ผมหางานไปเรื่อยๆ ผมกลับไม่ได้อยากทำงานที่ผมไปสมัครเลย ผมแค่ต้องการงานที่สอดคล้องกับวุฒิการศึกษาที่เรียนจบมาและได้เงินเดือนในระดับทั่วไปเท่านั้น ผมเลยหยุดพักการหางานไว้แล้วเริ่มค้นหาตัวเอง ผมสมัครเรียนสาขาวิชาอื่นขณะที่ยังทำงานเข็นรถวีลแชร์ไปด้วย หลังจากทำงานนี้มาระยะหนึ่งผมรู้สึกว่างานนี้ค่อนข้างมีอิสระ ผมมีความสุขกว่าทุกอาชีพที่เคยได้ทำมา อาคารผู้โดยสารคือห้องทำงานที่กว้างใหญ่ที่สุดที่ผมเคยมี แต่ละก้าวเดินช่างรู้สึกดีจังเลย ถ้าคุณผู้อ่านเคยมาที่นี่ คุณจะรู้ว่าที่นี่มีความหลากหลายทางชีวภาพมาก(อาชีพ) คุณจะเห็นผู้คนมีหน้าที่แตกต่างกัน ผู้คนทำโน่นทำนี่เต็มไปหมด ไหนจะผู้โดยสารอีกมากมาย ผู้คนแปลกตาที่ต้องพบเจอ ผู้โดยสารเปลื่ยนหน้าไปเรื่อยๆที่เราต้องให้บริการ เหตุการณ์และปัญหาใหม่ๆที่ต้องเรียนรู้แก้ไข มันทำให้ผมไม่รู้สึกเบื่องานนี้เลย งานนี้ต้องเข้ากะ กะเช้าตีห้าถึงบ่ายสอง กะบ่ายบ่ายสองถึงห้าทุ่ม บ่ายสามถึงเที่ยงคืนและบ่ายสี่โมงถึงตีหนึ่ง กะดึกเที่ยงคืนถึงแปดโมงเช้า วนกะไปเรื่อยๆ เข้ากะเช้าสองวัน กะบ่ายสองวัน กะดึกหนึ่งวัน และหยุดหนึ่งวัน ใครไม่อยากวนกะก็ขอแลกกับเพื่อนเอา บางคนชอบเข้าเช้าตลอด บางคนชอบเข้าบ่ายและบางคนก็ชอบหากินกลางคืน ผมชอบเข้าเช้าเพราะรู้สึกดีที่ได้เลิกงานเร็ว คุณคิดดูสิบ่ายสองเลิกงานแล้ว มีเวลาหลังเลิกงานเยอะ แต่ต้องตื่นเช้ามากนะ เข้างานตีห้าตีสี่ต้องตื่น ดีที่บ้านผมอยู่ไม่ไกลจากสนามบินเท่าไร เพื่อนผมบางคนต้องตื่นตีสามทรมานมากคุณว่าไหม? งานเข็นรถวีลแชร์นี้เป็นงานที่ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษาสูงมาสมัคร หลายคนจบม.3 แต่ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารอาจทำให้คนที่เรียนจบปริญญารู้สึกทึ่งได้ ประสบการณ์และการที่ได้พูดบ่อยๆทำให้เกิดความคุ้นเคย ไม่เขินอายเวลาพูดกับผู้โดยสาร อาจถูกบ้างผิดบ้างแต่สื่อสารกันเข้าใจก็ไม่มีปัญหา ทักษะด้านภาษาอังกฤษของผมดีขึ้นก็เพราะงานนี้ นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาอื่นๆก็มีให้ได้เรียนรู้จากเจ้าของภาษาโดยตรงเช่น รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สเปน อิตาลี เยอรมัน อาหรับ พม่า เวียดนาม ลาว อินโดนีเซีย แม้แต่ภาษาชนเผ่าชาวเขา
เพื่อนผมคนหนึ่งพูดภาษาชาวเขาได้ เป็นคนจังหวัดเชียงรายเรียนจบวิทยาการคอมพิวเตอร์มาหางานทำที่กรุงเทพ ได้งานเข็นรถวีลแชร์ก็ขอทำหาประสบการณ์ไปก่อน ผู้โดยสารที่เดินทางมาในแต่ละวันอาจไม่ได้มีจุดหมายที่กรุงเทพเท่านั้น อาจมาต่อเครื่องที่นี่ ผู้โดยสารต่อเครื่องก็มีหลายกลุ่มซึ่งมักไปรวมกลุ่มกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์ของสายการบินเพื่อรอเวลาเช็คอิน บางครั้งต้องรอนานหลายชั่วโมง ผู้โดยสารชนเผ่าชาวเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น ส่วนมากมักพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หลายครั้งที่เพื่อนผมคนนี้ได้เข้าช่วยเหลือ พาผู้โดยสารไปเช็คอิน นำทางไปยังประตูขึ้นเครื่อง คุยภาษาเดียวกันผู้โดยสารใจดีมีน้ำใจก็ให้อะไรต่อมิอะไรตอบแทนเพื่อนผม ทั้งที่เพื่อนผมไม่ได้ช่วยเหลือเพราะหวังสิ่งเหล่านี้ตอบแทน ไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับกับภาษาชนเผ่าชาวเขา ซึ่งถือเป็นไม้เด็ดของเพื่อนผมคนนี้เลยทีเดียว
สิ่งที่เราคิดว่าไม่น่าจะมีประโยชน์แต่บางกาลเทศะกลับสร้างประโยชน์ให้แก่เรา...จริงๆนะ
จากนั้นมาคำถามในใจผมก็เกิดขึ้นขณะที่ผมหางานไปเรื่อยๆ ผมกลับไม่ได้อยากทำงานที่ผมไปสมัครเลย ผมแค่ต้องการงานที่สอดคล้องกับวุฒิการศึกษาที่เรียนจบมาและได้เงินเดือนในระดับทั่วไปเท่านั้น ผมเลยหยุดพักการหางานไว้แล้วเริ่มค้นหาตัวเอง ผมสมัครเรียนสาขาวิชาอื่นขณะที่ยังทำงานเข็นรถวีลแชร์ไปด้วย หลังจากทำงานนี้มาระยะหนึ่งผมรู้สึกว่างานนี้ค่อนข้างมีอิสระ ผมมีความสุขกว่าทุกอาชีพที่เคยได้ทำมา อาคารผู้โดยสารคือห้องทำงานที่กว้างใหญ่ที่สุดที่ผมเคยมี แต่ละก้าวเดินช่างรู้สึกดีจังเลย ถ้าคุณผู้อ่านเคยมาที่นี่ คุณจะรู้ว่าที่นี่มีความหลากหลายทางชีวภาพมาก(อาชีพ) คุณจะเห็นผู้คนมีหน้าที่แตกต่างกัน ผู้คนทำโน่นทำนี่เต็มไปหมด ไหนจะผู้โดยสารอีกมากมาย ผู้คนแปลกตาที่ต้องพบเจอ ผู้โดยสารเปลื่ยนหน้าไปเรื่อยๆที่เราต้องให้บริการ เหตุการณ์และปัญหาใหม่ๆที่ต้องเรียนรู้แก้ไข มันทำให้ผมไม่รู้สึกเบื่องานนี้เลย งานนี้ต้องเข้ากะ กะเช้าตีห้าถึงบ่ายสอง กะบ่ายบ่ายสองถึงห้าทุ่ม บ่ายสามถึงเที่ยงคืนและบ่ายสี่โมงถึงตีหนึ่ง กะดึกเที่ยงคืนถึงแปดโมงเช้า วนกะไปเรื่อยๆ เข้ากะเช้าสองวัน กะบ่ายสองวัน กะดึกหนึ่งวัน และหยุดหนึ่งวัน ใครไม่อยากวนกะก็ขอแลกกับเพื่อนเอา บางคนชอบเข้าเช้าตลอด บางคนชอบเข้าบ่ายและบางคนก็ชอบหากินกลางคืน ผมชอบเข้าเช้าเพราะรู้สึกดีที่ได้เลิกงานเร็ว คุณคิดดูสิบ่ายสองเลิกงานแล้ว มีเวลาหลังเลิกงานเยอะ แต่ต้องตื่นเช้ามากนะ เข้างานตีห้าตีสี่ต้องตื่น ดีที่บ้านผมอยู่ไม่ไกลจากสนามบินเท่าไร เพื่อนผมบางคนต้องตื่นตีสามทรมานมากคุณว่าไหม? งานเข็นรถวีลแชร์นี้เป็นงานที่ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษาสูงมาสมัคร หลายคนจบม.3 แต่ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารอาจทำให้คนที่เรียนจบปริญญารู้สึกทึ่งได้ ประสบการณ์และการที่ได้พูดบ่อยๆทำให้เกิดความคุ้นเคย ไม่เขินอายเวลาพูดกับผู้โดยสาร อาจถูกบ้างผิดบ้างแต่สื่อสารกันเข้าใจก็ไม่มีปัญหา ทักษะด้านภาษาอังกฤษของผมดีขึ้นก็เพราะงานนี้ นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาอื่นๆก็มีให้ได้เรียนรู้จากเจ้าของภาษาโดยตรงเช่น รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สเปน อิตาลี เยอรมัน อาหรับ พม่า เวียดนาม ลาว อินโดนีเซีย แม้แต่ภาษาชนเผ่าชาวเขา
เพื่อนผมคนหนึ่งพูดภาษาชาวเขาได้ เป็นคนจังหวัดเชียงรายเรียนจบวิทยาการคอมพิวเตอร์มาหางานทำที่กรุงเทพ ได้งานเข็นรถวีลแชร์ก็ขอทำหาประสบการณ์ไปก่อน ผู้โดยสารที่เดินทางมาในแต่ละวันอาจไม่ได้มีจุดหมายที่กรุงเทพเท่านั้น อาจมาต่อเครื่องที่นี่ ผู้โดยสารต่อเครื่องก็มีหลายกลุ่มซึ่งมักไปรวมกลุ่มกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์ของสายการบินเพื่อรอเวลาเช็คอิน บางครั้งต้องรอนานหลายชั่วโมง ผู้โดยสารชนเผ่าชาวเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น ส่วนมากมักพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หลายครั้งที่เพื่อนผมคนนี้ได้เข้าช่วยเหลือ พาผู้โดยสารไปเช็คอิน นำทางไปยังประตูขึ้นเครื่อง คุยภาษาเดียวกันผู้โดยสารใจดีมีน้ำใจก็ให้อะไรต่อมิอะไรตอบแทนเพื่อนผม ทั้งที่เพื่อนผมไม่ได้ช่วยเหลือเพราะหวังสิ่งเหล่านี้ตอบแทน ไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับกับภาษาชนเผ่าชาวเขา ซึ่งถือเป็นไม้เด็ดของเพื่อนผมคนนี้เลยทีเดียว
สิ่งที่เราคิดว่าไม่น่าจะมีประโยชน์แต่บางกาลเทศะกลับสร้างประโยชน์ให้แก่เรา...จริงๆนะ
Post a Comment: