ชีวิตติดล้อ(8)
ผมและเพื่อนๆต่างมีแนวทางการทำงาน การให้บริการ แตกต่างกันไป บ้างเลือกที่จะให้บริการผู้โดยสารทีละราย ไม่รับงานซ้อน บ้างเลือกที่จะรับงานซ้อน หากมีการวางแผนใช้เวลาอย่างลงตัวก็ไม่มีปัญหา แต่บางครั้งก็มีเหตุสุดวิสัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเรา ก็ต้องอาศัยเพื่อนฝูงช่วยไปบริการผู้โดยสารต่อให้ บางทีผู้โดยสารก็สงสัยว่าตอนที่มารับหน้าเคาน์เตอร์เป็นอีกคนแต่ตอนส่งขึ้นเครื่องก็เป็นอีกคน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอครับ
รถวีลแชร์เป็นเครื่องมือหากินของพวกเรา เรากับรถจึงร่วมเดินทางไปด้วยกันเสมอ ไม่แปลกหรอกครับที่จะเห็นพวกเราเคลื่อนที่ไปพร้อมกับรถเข็นด้วยความรวดเร็ว เรียกว่าเร็วกว่าวิ่งด้วยสองเท้าอีก ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้บริการผู้โดยสารได้หลายเที่ยว ได้ค่าแรงเพิ่มขึ้น ด้วยความที่ชีวิตผูกพันกับรถวีลแชร์มากนั่นเองจึงเป็นที่มาของชื่อของบทความนี้ อนึ่ง "ชีวิตติดล้อ" นั้นผมยังได้แรงบันดาลใจมาจากผู้โดยสารที่มีชีวิตติดล้อจริงๆ คือต้องใช้รถเข็นวีลแชร์ในการใช้ชีวิตประจำวัน หลายครั้งเมื่อเราเคลื่อนย้ายตัวผู้โดยสารลงรถเข็นวีลแชร์ส่วนตัวแล้ว ผู้โดยสารก็ต้องการที่จะช่วยเหลือตัวเองหมุนล้อเคลื่อนรถไปเอง ทำให้ผมได้รู้สึกถึงพลังในการต่อสู้ชีวิต คำถามเกิดขึ้นมาว่า "ตัวเรากำลังสู้ชีวิตอยู่รึเปล่า? เราสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ไหม? เราพยายามอย่างเต็มที่กับชีวิตนี้แล้วหรือยัง? " มีเสียงคำตอบอันแผ่วเบาผุดขึ้นมาในความคิด "ยังไม่สุด" คำตอบนี้อยู่กับผมตลอดเวลาที่ผมทำอาชีพนี้ ผมได้พูดคุยกับผู้โดยสารมากมาย มีคำแนะนำจากความหวังดีที่ผมคงไม่สามารถนำมาเรียบเรียงรับใช้คุณผู้อ่านได้หมด ผมได้เปิดโลกทัศน์ทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับผู้โดยสารที่หลากหลายสาขาอาชีพ ต่างมีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน เวลาผ่านเลยไป ผมก็ยังหางานอื่นไม่ได้ จนผมมารู้ตัวอีกทีงานพนักงานบริการเข็นรถผู้ป่วยนี้เป็นอาชีพที่ผมทำมานานที่สุดที่เคยทำงานมา ช่วงเวลากำลังจะเข้า 3 ปีครึ่งแล้วที่ผมทำมาหากินอยู่ในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้ ทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่แล้วเหตุที่ทำให้ผมต้องตัดสินใจกับชีวิตการทำงานก็เกิดขึ้น
อย่างที่ผมเคยเรียนให้คุณผู้อ่านทราบเมื่อช่วงที่ผมเข้ารับการอบรมปฐมนิเทศแล้วว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทภายนอกหรือที่เรามักคุ้นหูว่าเป็นบริษัทเอาท์ซอร์ส(Outsource) ที่เข้ามาให้บริการงานเข็นรถผู้ป่วยภายในสนามบิน ในการเข้ามาให้บริการก็ต้องชนะการประมูล และมีสัญญาว่าสามารถให้บริการได้กี่ปี บริษัทที่ผมทำอยู่กำลังจะครบสัญญา พวกเราพนักงานเริ่มกังวลเกี่ยวกับอนาคต คือเมื่อบริษัทครบสัญญาพนักงานก็ครบสัญญาด้วย ไม่ว่าบริษัทใดจะชนะการประมูล ก็จะมีการรับสมัครพนักงานและก็ไม่เสมอไปที่พนักงานที่เคยปฏิบัติงานนี้มาจะได้รับการพิจารณาให้เข้าทำงานในหน้าที่นี้อีกครั้ง ต้องยอมรับความน่าเศร้าบนเรื่องจริงของชีวิตของพนักงานเอาท์ซอร์ส เวลาที่กระชั้นเข้ามา ความไม่แน่นอนของการประมูล คำตอบที่อยู่ในใจ ผมว่าต้องตัดสินใจกับชีวิตการทำงานให้เด็ดขาดเสียที...
รถวีลแชร์เป็นเครื่องมือหากินของพวกเรา เรากับรถจึงร่วมเดินทางไปด้วยกันเสมอ ไม่แปลกหรอกครับที่จะเห็นพวกเราเคลื่อนที่ไปพร้อมกับรถเข็นด้วยความรวดเร็ว เรียกว่าเร็วกว่าวิ่งด้วยสองเท้าอีก ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้บริการผู้โดยสารได้หลายเที่ยว ได้ค่าแรงเพิ่มขึ้น ด้วยความที่ชีวิตผูกพันกับรถวีลแชร์มากนั่นเองจึงเป็นที่มาของชื่อของบทความนี้ อนึ่ง "ชีวิตติดล้อ" นั้นผมยังได้แรงบันดาลใจมาจากผู้โดยสารที่มีชีวิตติดล้อจริงๆ คือต้องใช้รถเข็นวีลแชร์ในการใช้ชีวิตประจำวัน หลายครั้งเมื่อเราเคลื่อนย้ายตัวผู้โดยสารลงรถเข็นวีลแชร์ส่วนตัวแล้ว ผู้โดยสารก็ต้องการที่จะช่วยเหลือตัวเองหมุนล้อเคลื่อนรถไปเอง ทำให้ผมได้รู้สึกถึงพลังในการต่อสู้ชีวิต คำถามเกิดขึ้นมาว่า "ตัวเรากำลังสู้ชีวิตอยู่รึเปล่า? เราสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ไหม? เราพยายามอย่างเต็มที่กับชีวิตนี้แล้วหรือยัง? " มีเสียงคำตอบอันแผ่วเบาผุดขึ้นมาในความคิด "ยังไม่สุด" คำตอบนี้อยู่กับผมตลอดเวลาที่ผมทำอาชีพนี้ ผมได้พูดคุยกับผู้โดยสารมากมาย มีคำแนะนำจากความหวังดีที่ผมคงไม่สามารถนำมาเรียบเรียงรับใช้คุณผู้อ่านได้หมด ผมได้เปิดโลกทัศน์ทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับผู้โดยสารที่หลากหลายสาขาอาชีพ ต่างมีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน เวลาผ่านเลยไป ผมก็ยังหางานอื่นไม่ได้ จนผมมารู้ตัวอีกทีงานพนักงานบริการเข็นรถผู้ป่วยนี้เป็นอาชีพที่ผมทำมานานที่สุดที่เคยทำงานมา ช่วงเวลากำลังจะเข้า 3 ปีครึ่งแล้วที่ผมทำมาหากินอยู่ในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้ ทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่แล้วเหตุที่ทำให้ผมต้องตัดสินใจกับชีวิตการทำงานก็เกิดขึ้น
อย่างที่ผมเคยเรียนให้คุณผู้อ่านทราบเมื่อช่วงที่ผมเข้ารับการอบรมปฐมนิเทศแล้วว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทภายนอกหรือที่เรามักคุ้นหูว่าเป็นบริษัทเอาท์ซอร์ส(Outsource) ที่เข้ามาให้บริการงานเข็นรถผู้ป่วยภายในสนามบิน ในการเข้ามาให้บริการก็ต้องชนะการประมูล และมีสัญญาว่าสามารถให้บริการได้กี่ปี บริษัทที่ผมทำอยู่กำลังจะครบสัญญา พวกเราพนักงานเริ่มกังวลเกี่ยวกับอนาคต คือเมื่อบริษัทครบสัญญาพนักงานก็ครบสัญญาด้วย ไม่ว่าบริษัทใดจะชนะการประมูล ก็จะมีการรับสมัครพนักงานและก็ไม่เสมอไปที่พนักงานที่เคยปฏิบัติงานนี้มาจะได้รับการพิจารณาให้เข้าทำงานในหน้าที่นี้อีกครั้ง ต้องยอมรับความน่าเศร้าบนเรื่องจริงของชีวิตของพนักงานเอาท์ซอร์ส เวลาที่กระชั้นเข้ามา ความไม่แน่นอนของการประมูล คำตอบที่อยู่ในใจ ผมว่าต้องตัดสินใจกับชีวิตการทำงานให้เด็ดขาดเสียที...
Post a Comment: